นี่คือกุนซือที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลก ดีดีเย เดช็อง (Didier Deschamps) เคยเป็นนักเตะทีมชาติฝรั่งเศส ปัจจุบันก็ยังเป็น ผู้จัดการทีมฟุตบอลให้กับ ทีมชาติฝรั่งเศส สร้างชื่อเสียงด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และเขายังมีบทบาทสำคัญในวงการฟุตบอลตั้งแต่เป็นนักเตะ ก่อนจะก้าวเข้าสู่อาชีพผู้จัดการทีม และกลายเป็นผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จระดับโลก และวันนี้ทางเว็บ Balluefa จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ โค้ชทีมชาติฝรั่งเศส กันให้มากยิ่งขึ้น
ประวัติของ ดีดีเย เดช็อง ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส
ดีดีเย โกลด เดช็อง (Didier Claude Deschamps) เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1968 ที่เมืองบาโยน ประเทศฝรั่งเศส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลที่สโมสร น็องต์ (Nantes) ในปี 1985 โดยลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยเกมรับและมีทักษะในการอ่านเกมที่โดดเด่น ต่อมาเขาย้ายไปเล่นให้กับทีมใหญ่หลายทีมในยุโรป อาทิ โอลิมปิก มาร์กเซย ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี 1993 นับเป็นแชมป์รายการใหญ่ที่สำคัญของฝรั่งเศสในเวลานั้น
นอกจากมาร์กเซย เดช็องยังเคยเล่นให้กับ ยูเวนตุส ในอิตาลี ซึ่งเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย และแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี 1996 เขาได้ย้ายไปที่ เชลซี ในอังกฤษและ บาเลนเซีย ในสเปน ก่อนจะประกาศอำลาสนามในปี 2001
ในระดับทีมชาติฝรั่งเศส เดช็องลงเล่นในตำแหน่งกัปตันทีม และถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยการเอาชนะบราซิลในนัดชิงชนะเลิศด้วยผล 3-0 และต่อมาในปี 2000 เขาพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ยูโร 2000 ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นแชมป์ยุโรป และแชมป์โลกในเวลาใกล้เคียงกัน เดช็องเป็นที่รู้จักในฐานะกัปตันทีม ที่มีความมุ่งมั่น การเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง จนได้รับฉายาว่า “The Water Carrier” จากผลงานในการสร้างสมดุลในทีม และคอยสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม
ประวัติการเป็นผู้จัดการทีม
หลังจากแขวนสตั๊ด เดช็องเริ่มต้นอาชีพการเป็นผู้จัดการทีม โดยทำหน้าที่คุมทีมโอลิมปิก มาร์กเซย และนำทีมคว้าแชมป์ ลีกเอิง (Ligue 1) ในฤดูกาล 2009-10 เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีของสโมสร นอกจากนี้ เขายังพาทีมคว้าแชมป์ถ้วยในประเทศหลายรายการ รวมถึง คูปเดอลาลีก (Coupe de la Ligue) และ โทรเฟเดชองปิยงส์ (Trophée des Champions) ทำให้เดช็องเป็นผู้จัดการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและนำมาร์กเซยกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
การเข้ามารับงานคุมทีมชาติฝรั่งเศส
ในปี 2012 เดช็องได้รับตำแหน่ง ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส และเริ่มสร้างทีมให้แข็งแกร่งขึ้น ภายใต้การคุมทีมของเขา ฝรั่งเศสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูโร 2016 แต่แพ้ให้กับโปรตุเกส อย่างไรก็ตาม เดช็องไม่หยุดพัฒนาและนำทีมคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส โดยเอาชนะโครเอเชียในรอบชิงชนะเลิศด้วยผล 4-2 ความสำเร็จนี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม
ต่อมาในปี 2022 เดช็องพาฝรั่งเศสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกอีกครั้ง แต่แพ้ให้กับอาร์เจนตินาในการดวลจุดโทษ อย่างไรก็ตาม การเข้าชิงชนะเลิศติดต่อกันสองครั้ง เป็นผลงานที่โดดเด่น และแสดงถึงศักยภาพการคุมทีมระดับสูงของเขา
สไตล์การคุมทีมของ ดีดีเย เดช็อง Didier Deschamps
สไตล์การคุมทีมของดีดีเย เดช็อง โดดเด่นด้วยความสมดุลระหว่างเกมรุก และเกมรับ การวางแผนที่ยืดหยุ่น และการบริหารจัดการนักเตะที่มีทักษะสูงในทีม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาเน้นการจัดระบบทีมให้มีความมั่นคง และให้ความสำคัญกับความสามัคคี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จของทีมชาติฝรั่งเศส
1. ความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ
- เดช็องชอบวางแผนการเล่นที่เน้นความสมดุล โดยเลือกใช้แผน 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ที่ให้นักเตะมีบทบาทในการโจมตีและป้องกันอย่างเหมาะสม
- การวางกองกลางตัวรับ ที่มีทักษะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในเกมรับ ขณะที่ผู้เล่นตัวรุกมีอิสระ ในการสร้างสรรค์เกม เพื่อหาจังหวะทำประตู
2. ความยืดหยุ่นในการปรับแผนตามสถานการณ์
- เดช็องเป็นผู้จัดการทีมที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนแผนการเล่น กลยุทธ์ตามคู่แข่ง และสถานการณ์ในสนาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การบริหารจัดการนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์
- การคุมทีมที่มีนักเตะระดับโลกหลายคน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เดช็องมีทักษะในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ และรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทีม ด้วยบุคลิกที่มั่นคงและเข้มแข็ง เขาสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่เน้นความสามัคคีและความมุ่งมั่นได้ดี แม้นักเตะจะมีความสามารถสูง และมีบุคลิกที่หลากหลาย
4. การเน้นวินัยและความทุ่มเท
- เดช็องมักจะเลือกนักเตะที่มีทั้งทักษะและความมีวินัยในการเล่น และให้ความสำคัญกับความทุ่มเทในการฝึกซ้อม และการแข่งขัน ทำให้ทีมมีมาตรฐานและประสิทธิภาพสูงในสนาม
5. การใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาพัฒนาทีม
- ด้วยประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลระดับสูง ทั้งในฐานะนักเตะ และผู้จัดการทีม เดช็องนำประสบการณ์เหล่านี้มาใช้ในการพัฒนาผู้เล่นในทีม โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม เขาสร้างทีมที่มีความสามัคคี และมีนักเตะที่มีภาวะผู้นำในสนาม ซึ่งมีผลทำให้ ทีมชาติฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่ง และน่ากลัวในเวทีฟุตบอลระดับโลก
ถ้วยรางวัลและความสำเร็จ ดีดีเย เดช็อง ในฐานะผู้จัดการทีมชาติ
โอลิมปิก มาร์กเซย
- แชมป์ลีกเอิง (Ligue 1) 2009-10
- แชมป์คูปเดอลาลีก (Coupe de la Ligue) 2 สมัยในปี 2009-10, 2010-11
- แชมป์โทรเฟเดชองปิยงส์ (Trophée des Champions) ในปี 2010
ทีมชาติฝรั่งเศส
- แชมป์ฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) 2018
- รองแชมป์ฟุตบอลยูโร (UEFA Euro) 2016
- รองแชมป์ฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) 2022
- แชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีก (UEFA Nations League) 2020-21
ติดตามข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้จัดการทีม ได้ที่เว็บ Balluefa
Didier Deschamps ดีดีเย เดช็องมีผลงานยอดเยี่ยมในการนำทีมชาติฝรั่งเศสไปสู่จุดสูงสุด ทั้งในระดับยุโรป และระดับโลก ผลงานและความสำเร็จของเขาสร้างความสำคัญ ในการยกระดับ ทีมชาติฝรั่งเศส ให้เป็นทีมระดับแนวหน้า และเป็นตัวอย่างของผู้จัดการทีม ที่มีความเข้าใจเกม และการบริหารทีมที่ดี สามารถติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ผู้จัดการทีม และอื่น ๆ ได้ที่หน้าเว็บ Balluefa เว็บข่าวสารบอลที่น่าสนใจ