สิงห์บลู เชลซี สโมสรฟุตบอลชั้นนำจากพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ

หนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ ในยุคปัจจุบัน เชลซี จากจุดเริ่มต้นในฐานะทีมระดับกลางของลอนดอน เติบโตและก้าวสู่การเป็นสโมสรระดับแนวหน้าของ พรีเมียร์ลีก ลีกฟุตบอลสูงสุดประเทศอังกฤษ ในปัจจุบันนับว่าเป็นทีมฟุตบอลทีมฐานแฟนบอลจำนวนมาก ในวันนี้ทางเว็บไซต์ Balluefa จะของพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ สโมสรฟุตบอลเชลซี กันให้มากยิ่งขึ้น

ประวัติ เชลซี จุดเริ่มต้นทีมระดับกลาง สู่ทีมชั้นแนวหน้า

สโมสรฟุตบอลเชลซี (Chelsea Football Club) มีฉายาในไทยว่า สิงห์บลู เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1905 โดยมีสนามเหย้าชื่อว่า สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge) ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ทางตะวันตกของย่าน ฟูแล่ม เชลซีเป็นทีมที่มีชื่อเสียงใน พรีเมียร์ลีก และประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลยุโรป

เชลซี ถูกก่อตั้งโดย กัส เมียร์ส (Gus Mears) นักธุรกิจผู้ซื้อสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างสโมสรฟุตบอลขึ้นมา เพื่อใช้งานสนามแห่งนี้ แต่การเข้าไปเจรจาซื้อทีมที่มีอยู่ในลอนดอน ไม่ประสบผลสำเร็จ เขาจึงตัดสินใจตั้ง สโมสรเชลซีขึ้นเอง สโมสรได้รับการยอมรับให้เข้าร่วม การแข่งขันฟุตบอลลีกอังกฤษทันที ในปีแรกที่ก่อตั้ง ในช่วงแรก ๆ ของประวัติศาสตร์ทีม เชลซีมีชื่อเสียงเรื่องการใช้จ่ายเงินซื้อนักเตะดาวดัง แต่ผลงานยังไม่สามารถสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนได้ แม้จะเข้าชิงชนะเลิศถ้วยรางวัลต่าง ๆ หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ ได้อย่างเต็มรูปแบบ

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เชลซีเริ่มพัฒนา และสร้างชื่อเสียงขึ้นมา ในปี 1955 เชลซีคว้าแชมป์ลีก ดิวิชั่นหนึ่ง (ปัจจุบันคือพรีเมียร์ลีก) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ภายใต้การคุมทีมของ เท็ด เดรค (Ted Drake) ซึ่งเป็นผู้จัดการทีม ที่นำแนวทางการเล่น และการพัฒนานักเตะอย่างมืออาชีพเข้าสู่สโมสร

และสำหรับจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของ สโมสรฟุตบอลเชลซี Chelsea เกิดขึ้นในปี 2003 เมื่อ โรมัน อับราโมวิช (Roman Abramovich) มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เข้ามาซื้อสโมสร การลงทุนอย่างมหาศาลของอับราโมวิช ในเรื่องของนักเตะ และโครงสร้างสโมสรทำให้เชลซี กลายเป็นทีมชั้นนำ ในยุโรปอย่างรวดเร็ว

ถ้วยรางวัลและความสำเร็จของสโมสรฟุตบอล เชลซี

• พรีเมียร์ลีก (Premier League) แชมป์ 6 สมัย
• เอฟเอ คัพ (FA Cup) แชมป์ 8 สมัย
• ฟุตบอลลีก คัพ (EFL/Carabao Cup) แชมป์ 5 สมัย
• ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (UEFA Champions League) แชมป์ 2 สมัย
• ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (UEFA Europa League) แชมป์ 2 สมัย
• ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ (UEFA Super Cup) แชมป์ 2 สมัย
• ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ (FIFA Club World Cup) แชมป์ 1 สมัย
• แชริตี้ ชิลด์ / คอมมิวนิตี้ ชิลด์ (FA Community Shield) แชมป์ 4 สมัย

เชลซี ในยุคของ โรมัน อับราโมวิช ยุคทองแห่งความสำเร็จ

ยุคของ โรมัน อับราโมวิช (Roman Abramovich) ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และประสบความสำเร็จสูงสุด ในประวัติศาสตร์ของ สโมสรฟุตบอลเชลซี โดยเริ่มต้นเมื่อปี 2003 เมื่อมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร และได้เปลี่ยนโฉมสโมสรจากทีมระดับกลาง กลายเป็นหนึ่งในสโมสรชั้นนำของอังกฤษ ภายในเวลาไม่นาน การบริหารจัดการที่มีวิสัยทัศน์ การลงทุนมหาศาลในการซื้อนักเตะ และการสร้างโครงสร้างสโมสรที่แข็งแกร่ง ทำให้เชลซีเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง

การเข้ามาของโรมัน อับราโมวิช เกิดขึ้นเมื่อปี 2003 อับราโมวิชเข้ามาซื้อกิจการเชลซีด้วยมูลค่าประมาณ 140 ล้านปอนด์ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในการซื้อสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล การมาของอับราโมวิชนำไปสู่การลงทุน ในทีมอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการซื้อนักเตะระดับโลกเข้าสู่ทีม และการเปลี่ยนแปลง ในด้านการบริหารจัดการทีม ที่เน้นผลสำเร็จในทันที

โดยหลังจากที่เข้ามาควบคุมเชลซี อับราโมวิชทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเซ็นสัญญากับผู้เล่นชื่อดังเช่น ดิดิเยร์ ดร็อกบา (Didier Drogba), แฟรงค์ แลมพาร์ด (Frank Lampard), อาร์เยน ร็อบเบน (Arjen Robben) และจอห์น เทอร์รี่ (John Terry) ที่กลายเป็นส่วนสำคัญในการนำเชลซีสู่ความสำเร็จ

หลังจากที่เข้ามาควบคุมเชลซี อับราโมวิชทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเซ็นสัญญากับผู้เล่นชื่อดังเช่น ดิดิเยร์ ดร็อกบา (Didier Drogba), แฟรงค์ แลมพาร์ด (Frank Lampard), อาร์เยน ร็อบเบน (Arjen Robben) และจอห์น เทอร์รี่ (John Terry) ที่กลายเป็นส่วนสำคัญในการนำเชลซีสู่ความสำเร็จ

ฤดูกาล 2004-05 ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ (José Mourinho) เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ด้วยคะแนน 95 แต้ม ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมากในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ลีกคัพ  และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุค ที่เต็มไปด้วยความสำเร็จของสโมสร

ความสำเร็จในยุคของ โรมัน อับราโมวิช และจุดสิ้นสุด

หนึ่งในเป้าหมายหลักของอับราโมวิชคือการทำให้เชลซีประสบความสำเร็จในระดับยุโรป เชลซีเริ่มเข้าใกล้ความฝันของการคว้าแชมป์ยุโรปตั้งแต่ยุคของมูรินโญ่ และในที่สุด ในปี 2012 ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ (Roberto Di Matteo) เชลซีสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคในนัดชิงชนะเลิศด้วยการยิงจุดโทษ

ในปี 2021 เชลซีคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล (Thomas Tuchel) โดยเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงปอร์โต ทำให้เชลซีได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป

การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและแนวทางการบริหาร ถือว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ ของยุคอับราโมวิช การเปลี่ยนแปลง ผู้จัดการทีมอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าหลายคนจะสามารถนำทีมไปสู่ความสำเร็จ แต่หากผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ เจ้าของสโมสรจะไม่ลังเล ในการเปลี่ยนตัวผู้จัดการ เพื่อหาคนที่สามารถนำทีมไปสู่ชัยชนะได้ ตัวอย่างเช่น โชเซ่ มูรินโญ่ ถูกปลดออกจากตำแหน่งสองครั้ง แม้เขาจะเป็นผู้จัดการทีมที่นำทีมไปสู่แชมป์พรีเมียร์ลีกก็ตาม ภายใต้ยุคของอับราโมวิช เชลซีเปลี่ยนผู้จัดการทีมมากกว่า 10 คน แต่ทุกคนต่างมีส่วนในการสร้างความสำเร็จให้กับทีม รวมถึงผู้จัดการชื่อดังอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ, อันโตนิโอ คอนเต้, และ เมาริซิโอ ซาร์รี่

ผลงานและเกียรติยศในยุคอับราโมวิช ไม่วาจะเป็น แชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอคัพ 5 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่ายูโรปาลีก 2 สมัย, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย

หลังจากกว่า 19 ปีในการเป็นเจ้าของสโมสร ในปี 2022 โรมัน อับราโมวิชถูกบีบให้ขายสโมสรเนื่องจากการคว่ำบาตรจากรัฐบาลอังกฤษ ที่เกิดจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน การขายสโมสรเป็นการปิดฉากยุคทองของเชลซี ภายใต้การบริหารของอับราโมวิช

ติดตามข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟุตบอลได้ที่ Balluefa

จากจุดเริ่มต้นในฐานะทีมระดับกลางของลอนดอน เชลซี ได้เติบโตและก้าวสู่การเป็นสโมสรระดับโลก ด้วยการสนับสนุน และการลงทุนที่มั่นคงจากเจ้าของสโมสร เชลซีเป็นทีมที่มีฐานแฟนบอลขนาดใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในวงการฟุตบอลระดับนานาชาติ สามารถเข้ามาติดตามข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟุตบอลได้ที่ Balluefa ยังข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟุตบอล สโมสรฟุตบอล นักเตะ ผู้จัดการทีม เป็นต้น